The Wrath of Becky (2023) ภาพยนตร์แอคชั่นระทึกขวัญจากผลงานกำกับโดย Matt Angel เรื่องราวของภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องเบ็คกี้ในปี 2020 และมีลูลู่ วิลสันกลับมาในบทเบ็คกี้ คอยเคียงข้างฌอน วิลเลียม สก็อตต์ เรื่องต่อจากภาคแรก เบ็คกี้ หญิงสาวที่สูญเสียพ่อแม่ไปอย่างกะทันหัน เธอต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและพยายามทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันหนึ่ง เบ็คกี้ได้พบกับชายลึกลับชื่อ จอห์น ซึ่งอ้างว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จอห์นช่วยเบ็คกี้ติดต่อกับวิญญาณพ่อแม่ของเธอ และเบ็คกี้ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจอห์นลักพาตัวลูกสาวของเบ็คกี้ไป เบ็คกี้จึงต้องออกตามหาจอห์นและลูกสาวของเธอ โดยได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติในการต่อสู้
ตัวหนังได้เริ่มต้นด้วยฉากที่เบ็คกี้ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอยังคงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและพยายามทำใจกับเหตุการณ์ที่สูญเสียพ่อแม่ไป อยู่มาวันหนึ่ง เบ็คกี้ได้พบกับชายลึกลับชื่อ จอห์น ซึ่งอ้างว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ จอห์นช่วยเบ็คกี้ติดต่อกับวิญญาณพ่อแม่ของเธอและเบ็คกี้ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ไม่นานทั้งคู่ก็ได้ออกเดทด้วยกันจนสนิทสนมกันมากขึ้น แต่แล้วเบ็คกี้ก็เริ่มสงสัยในตัวจอห์น เมื่อเธอพบว่าจอห์นมีพฤติกรรมแปลกๆ อยู่หลายอย่าง เบ็คกี้จึงเริ่มสืบหาความจริงเกี่ยวกับเขาให้มากกว่านี้
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับลูกสาวของเธอที่โรงเรียน เธอดีใจมากที่ได้เจอกับลูกสาว แต่แล้วจอห์นก็ปรากฏตัวขึ้นและลักพาตัวลูกสาวของเธอไป ทำให้เบ็คกี้ต้องออกตามหาจอห์นและลูกสาวของเธอ ซึ่งเธอได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติที่จนสามารถมองเห็นและสื่อสารกับวิญญาณได้ กระทั่งเบ็คกี้ได้พบกับจอห์นที่บ้านของเขา จอห์นบอกกับเบ็คกี้ว่าเขาต้องการใช้พลังของเบ็คกี้เพื่อควบคุมโลกเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างโลก ทำให้เธอต้องต่อสู้กับจอห์นอย่างดุเดือดและสามารถเอาชนะเพื่อช่วยลูกสาวของเธอกลับคืนมาให้ได้
ประเด็นสำคัญของหนังเรื่องนี้นั้นเราจะได้เห็นถึงพลังของความรักของแม่ลูก ที่เบ็คกี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกสาวของเธอ ยอมต่อสู้กับจอห์นผู้ชั่วร้ายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรัก แต่ก็ต้องเพื่อเอาลูกสาวของเธอกลับมา เราจะได้เห็นพลังเหนือธรรมชาติที่เธอได้รับมา จนเธอก็ใช้มันอย่างสติหลุดแต่ในที่สุดก็กลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้งและรู้จักการควบคุมพลังใช้ไปในทางที่ถูกต้อง ทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้หลายๆ เรื่องไปพร้อมกับตัวละครที่ต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางจิตใจที่สูญสิ้นแตกสลายไปแล้วในก่อนหน้านี้นั่นเอง
ส่วนเรื่องของการแสดงก็ต้องชื่นชมว่าทำออกมาได้ดีมาก ถ่ายทอดอารมณ์ของคนเป็นแม่ได้อย่างดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกสาวกลับคืนมา ขณะเดียวกันฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้ด้อยเลย กลับว่าดีเลยด้วยซ้ำ แม้ตัวหนังจะเน้นการเล่าเรื่องราว แต่พอถึงฉากที่ต้องต่อสู้ก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญที่สุดก็คงต้องยกให้เรื่องของประเด็นแง่คิดหลายๆ อย่างที่หนังเรื่องนี้ได้ให้ไว้ ซึ่งมากกว่าการเป็นแค่หนังแอ็คชั่นที่ขายคิวบู๊แบบรัวๆ แต่ยังให้อะไรกับคนดูและตอนจบที่อินไม่น้อยเลยทีเดียว
สรุปก็ถือว่า The Wrath of Becky เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดูได้ทุกคน แม้จะเป็นหนังแอ็คชั่นแต่ก็ไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะคอหนังแนวนี้เท่านั้น เพราะไม่ได้ขายฉากแอ็คชั่นมากเกินไปและเน้นการเดินเรื่องหลักซะมากกว่า บางฉากก็ดูไม่ค่อยสมจริงบ้างเท่าไร แต่เมื่อเทียบกับพลังวิเศษแล้วก็ถือว่าพอเข้าใจกันได้อยู่ อีกหนึ่งเรื่องที่สนุกดูได้แบบไม่ผิดหวัง