A Haunting in Venice (2023) ฆาตกรรมหลอนแห่งนครเวนิส

รีวิว A Haunting in Venice (2023) ฆาตกรรมหลอนแห่งนครเวนิส

A Haunting in Venice ฆาตกรรมหลอนแห่งนครเวนิส ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนสยองขวัญที่กำกับโดย Kenneth Branagh นำแสดงโดย Kenneth Branagh ในบท Hercule Poirot นักสืบชาวเบลเยียม ที่เล่าเรื่องราวการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในนครเวนิส ประเทศอิตาลี ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นภาคต่อในจักรวาลเดียวกันของเรื่องอย่าง Murder on the Orient Express (2017) และ Death on the Nile (2022) อีกด้วย

เรื่องราวเริ่มต้นจาก Hercule Poirot ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ Palazzo Ducale ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นโดยมหาเศรษฐีชาวอเมริกันอย่าง Samuel Ratchett ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของการฆาตกรรมหลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในระหว่างงานเลี้ยง มีผู้พบศพของ Ratchett นอนตายอยู่ในห้อง ทาง Poirot ได้รับการว่าจ้างให้สืบสวนคดีนี้และพบว่า Ratchett มีศัตรูมากมาย และทุกคนต่างมีเหตุผลที่จะฆ่าเขาได้ทั้งหมด

Poirot ยังเริ่มต้นการสืบสวนและพบว่า Ratchett มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและฆาตกรรมเด็กหญิงชาวอเมริกันชื่อ Daisy Armstrong เมื่อหลายปีก่อน เด็กหญิงได้รับการช่วยเหลือไว้ได้แต่พ่อแม่ของเธอกลับเสียชีวิตไป ซึ่งพ่อแม่ของเด็กหญิงเชื่อว่า Ratchett คือผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวและฆาตกรรมดังกล่าว นอกจากนังยังพบเบาะแสว่า Ratchett ได้จ้างคนรับใช้ของเขาอย่าง Edward Ratchett มาปลอมตัวเป็นเขาและเดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อหลบหนีจากกลุ่มคนที่ต้องการแก้แค้นเพื่อจะหลอกลวงกลุ่มคนเหล่านั้นให้คิดว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่แผนการของเขากลับล้มเหลวในที่สุด

กลุ่มคนที่ต้องการแก้แค้น Ratchett มีตั้งแต่พ่อแม่ของเด็กสาวอย่าง Daisy Armstrong เพื่อนของพ่อแม่เด็กหญิง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เขาจึงต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและสามารถไขคดีนี้ได้สำเร็จจนได้พบว่าทุกคนในกลุ่มคนเหล่านั้นต่างมีส่วนในการฆาตกรรม Ratchett ได้ทั้งหมด ปมคดีการตายครั้งนี้จึงซับซ้อนยิ่งขึ้นและยากที่จะหาความจริงได้

นี่คือหนังที่คนดูจะได้พบกับการสืบสวนไปพร้อมๆ กับตัวละครหลักอย่าง Poirot เราจะเห็นความยุติธรรมที่เกิดขึ้น และการชำระล้างแค้น แต่ท่ามกลางความอันตรายแบบนี้ก็ยังได้เห็นความยุติธรรมสามารถเกิดขึ้นได้ ภาพยนตร์ยังสะท้อนให้เห็นถึงด้านมืดของมนุษย์ นั่นคือความปรารถนาที่จะแก้แค้นคนที่ทำร้ายเรามาตั้งแต่ในอดีต เรียกได้ว่าจะได้รับชมเรื่องราวการสืบสวนที่ครบรสและถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว ขนาดยังได้รับคำวิจารณ์ให้เป็นหนังที่มีฉากสืบสวนสอบสวนที่เข้มข้น และประเด็นที่นำเสนอที่น่าสนใจอีกด้วย

โดยรวมถือว่านี่คือภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนสยองขวัญที่ผสมผสานระหว่างความสนุกสนานและความสยองไว้ในเรื่องเดียว การสืบสวนที่ซับซ้อนหักมุมหลายตลบ มีประเด็นให้คนดูชวนขบคิดตลอดทั้งเรื่อง แต่มีจุดด้อยในบางฉากเหมือนกันที่ยืดเยื้อเกินไปจนดูน่าเบื่อทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบางฉากนั้นๆ แต่เรื่องราวการฆาตรกรรมและการสอบสวนนั้นถือว่าเข้มข้นและควรค่าแก่การรับชมมากแน่นอน